Everything You Need to Know About Melasma : คนเป็นฝ้าควรรู้
วันและเวลาที่เปลี่ยนไปก็มักจะเปลี่ยนหลาย ๆ อย่างในชีวิตเราไปด้วย เช่นเดียวกับผิวของเราที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งคุณตื่นขึ้นมาด้วยผิวหน้าที่มีจุดด่างใหม่ ๆ (หรือหลายจุด) ที่อาจทำให้ตกใจแค่ในชั่วข้ามคืน จุดเหล่านี้มีหนึ่งสาเหตุที่พบบ่อยนั่นคือ “ฝ้า” จะมีวิธีรับมือกับฝ้าอย่างไร จะหายขาดหรือไม่มาดูกันค่ะ
ฝ้าคืออะไร?
ฝ้าเป็นความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน ฝ้าสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่ส่วนใหญ่มักจะเห็นบนใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก แก้ม ริมฝีปากบน และสันจมูก
ฝ้าบางครั้งเรียกว่า “mask of pregnancy” หรือ หน้ากากของคนท้อง เพราะมักส่งผลกระทบต่อสตรีมีครรภ์ ฝ้ามักจะมืดลงและจางลงเมื่อเวลาผ่านไป มักจะแย่ลงในฤดูร้อนและดีขึ้นในฤดูหนาว
นอกเหนือจากแสงแดด อีกหนึ่งผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังการเกิดฝ้าก็คือ “การตั้งครรภ์” ผิวของผู้ที่กำลังอุ้มท้องจะมีการอ่อนแอต่อภาวะนี้มาก รวมถึงระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น (รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ) ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ถือเป็นสาเหตุที่พบบ่อย
ฝ้ามีกี่ประเภท?
3 ประเภทคือ :
ฝ้าตื้น : จะอยู่ผิวหนังชั้นนอก :สีน้ำตาลเข้ม มีเส้นขอบที่ชัดเจน เป็นฝ้าที่สามารถตอบสนองต่อการรักษาได้ดี จางหายได้ง่ายกว่าฝ้าประเภทอื่น
ฝ้าลึก : อยู่ใต้ผิวหนัง มีสีน้ำเงินหรือม่วง ขอบไม่ชัดเหมือนกับว่าฝังอยู่ใต้ผิว
ฝ้าแบบผสม : ฝ้าแบบผสมซึ่งพบได้บ่อยที่สุดในสามกลุ่มนี้ มีทั้งปื้นสีน้ำเงินและสีน้ำตาล
เกิดอะไรขึ้นในผิวหนัง?
ก่อนอื่นควรรู้ว่าผิวของคุณประกอบด้วยสามชั้น ชั้นนอกคือชั้นหนังกำพร้า ชั้นกลางคือชั้นหนังแท้ และชั้นที่ลึกที่สุดคือชั้นใต้ผิวหนัง มันคืออวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายและคิดเป็น 1 ใน 7 ของน้ำหนักตัวของคุณ ซึ่งห่อหุ้มของเหลวและเครื่องในไม่ให้ไหลเยิ้ม ช่วยปกป้องกระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะ และทุกสิ่งทุกอย่างจากความหนาวเย็น จากเชื้อโรค แสงแดด ความชื้น สารพิษ การบาดเจ็บ และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายของคุณ ป้องกันความชุ่มชื้น และรับความรู้สึก
หนังกำพร้าของคุณมีเซลล์ที่มีการสร้างความเข้มของผิวที่เรียกว่าเมลานิน เพื่อตอบสนองต่อแสง ความร้อน หรือรังสีอัลตราไวโอเลต หรือโดยการกระตุ้นของฮอร์โมน เมลาโนไซต์จะผลิตเมลานินมากขึ้น และนั่นเป็นสาเหตุที่ผิวของคุณคล้ำ
ฝ้าเกิดจากอะไร?
มีสาเหตุหลักสามประการของการเกิดฝ้า ได้แก่ “แสงยูวี ความร้อน และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน” อาจจะมีเหตุผลอื่น ๆ อีกแต่โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุผลเหล่านี้จะพบได้บ่อยที่สุด
“การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์และอาจทำให้เกิดฝ้าได้” อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สิ่งกระตุ้นเพียงอย่างเดียว เพราะมีทั้งวัยหมดประจำเดือน ยาคุมกำเนิด และแม้แต่ฮอร์โมนที่แปรปรวนจากประจำทุกเดือนก็อาจทำให้ฝ้าแย่ลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผิวหนังยิ่งถูกแสงแดดหรือความร้อนจัด
แสงยูวีจากดวงอาทิตย์ช่วยกระตุ้นเมลาโนไซต์ ซึ่งเป็นเซลล์ชนิดหนึ่งในผิวของเรา เพื่อผลิตเมลานินมากขึ้น แม้แสงแดดเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้อีกครั้งหลังจากที่มันจางลง นี่คือเหตุผลที่หลายคนยังคงเป็นฝ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด แต่เราสามารถจัดการได้ด้วยการดูแลผิวพรรณและการดูแลที่เหมาะสม เช่น การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี และสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าคือการปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มี SPF ที่ดี “Hartman กล่าว”
ขอเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้องใช้ครีมกันแดดที่ประกอบด้วยไททาเนียมหรือสังกะสี จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันการเกิดฝ้า เนื่องจากครีมกันแดดเหล่านี้ช่วยป้องกันแสงแดดไม่ให้เข้าสู่เซลล์ผิวของเราและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี และนอกจากครีมกันแดดแล้วไม่ควรอาบแดดซึ่งจะทำให้ผิวของคุณแย่ลง
มันสามารถหายไปเองได้หรือเปล่า?
ใช่! เป็นไปได้ว่าฝ้าของคุณจะหายไปเองภายในไม่กี่เดือน อย่างไรก็ตามมันจะยังคงอยู่หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือรับประทานฮอร์โมนคุมกำเนิด สิ่งที่ควรทำคือการปฏิบัติตามขั้นตอนในการป้องกัน เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าของคุณแย่ลง หรือถ้าฝ้าคุณจางลงแล้วก็จะปลอดภัยไม่กลับมาเป็นอีก
“รังสีอัลตราไวโอเลตและอินฟราเรดจากดวงอาทิตย์เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ฝ้าแย่ลง”
ขั้นตอนของการรักษาฝ้าทำอย่างไร?
– สิ่งแรกที่คุณต้องทำเพื่อรักษาฝ้าของคุณคือ การไม่ทำให้ว่าอาการของฝ้าจะไม่แย่ไปกว่าเดิม จะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด การอาบแดด แสงจากจอแอลอีดี สบู่ที่ระคายเคือง และยาที่เกี่ยวกับฮอร์โมน หากคุณต้องอยู่กลางแดด อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีไอรอนออกไซด์และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 ทุกสองชั่วโมง รวมทั้งหยิบหมวกปีกกว้างออกไปด้วย
– ประการที่สองคือการใช้ยาเฉพาะที่ การบำบัดเฉพาะที่โดยการใช้สารยับยั้งไทโรซิเนสช่วยป้องกันการสร้างเม็ดสีใหม่โดยหยุดการสร้างเมลานิน (สีเข้ม) ตัวอย่างของสารยับยั้งไทโรซิเนสและสารที่เป็นประโยชน์ประเภทอื่นๆ ได้แก่ :
Azelaic
Cysteamine
Hydrocortisone
Hydroquinone
Methimazole
Soy Protein Phthalate
Alpha Hydroxy Acids
Tranexamic
Tretinoin
ยาจะออกฤทธิ์นานแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับบุคคลและยาที่ใช้ ฝ้านั้นตอบสนองต่อการรักษาได้ช้า สารที่กล่าวข้างต้นนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทันที
มีวิธีที่สามารถช่วยหายเร็วขึ้น?
มีขั้นตอนบางอย่างที่แพทย์ผิวหนังสามารถทำได้เพื่อลดฝ้าของคุณ เช่น การลอกด้วยสารเคมี ในขั้นตอนนี้ แพทย์ผิวหนังจะใส่สารเคมีลงบนผิวของคุณซึ่งอาจทำให้ผิวลอก จนได้ผิวใหม่ที่มีความเรียบเนียนและมีสีสม่ำเสมอมากขึ้น
ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเมื่อใด?
ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเมื่อคุณเห็นสัญญาณของฝ้า ยิ่งปล่อยให้นานจนแย่ลงเท่าไหร่การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
ใครมีแนวโน้มที่จะเป็นฝ้ามากที่สุด?
เนื่องจากฮอร์โมนและแสงแดด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นฝ้ามากที่สุด มีความเสี่ยงของผู้หญิง 1 ใน 9 คนและความเสี่ยงจองผู้ชาย 1 ใน 39 คน “Hartman กล่าว”
คนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะเป็นฝ้ามากกว่าผู้ที่มีผิวสีน้ำตาลเข้มหรือผู้ที่มีผิวสีแทน ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายนั่นผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นฝ้ามากกว่าผู้ชายถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็คิดเป็น 90% : 10% แน่นอนว่าคุณแม่มีครรภ์ก็จะเป็นฝ้าบ่อยกว่าใคร รวมถึงคนที่ใช้ยาคุมกำเนิดและฮอร์โมน
มักจะขึ้นบ่อยที่สุดที่ไหน?
ฝ้ามักจะเป็นบริเวณที่เจอกับมลภาวะโดยตรงเช่น ที่แก้ม จมูก คาง เหนือริมฝีปากบนและหน้าผาก บางครั้งอาจเกิดขึ้นที่แขน คอ หรือแผ่นหลัง อันที่จริงฝ้าสามารถส่งผลกระทบต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของผิวที่อ่อนโยนและโดนแสงแดด
ฝ้าถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไหม?
ฝ้าเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์คิดเป็น 15% ถึง 50% ของหญิงตั้งครรภ์ ส่วนคนทั่วไปอาจเป็นฝ้าและเกิดขึ้นบ่อยขึ้นในช่วงปีเจริญพันธุ์ของผู้หญิง และไม่ค่อยเกิดขึ้นในช่วงวัยแรกรุ่น มักเริ่มตั้งแต่อายุ 30 ถึง 40 ปี คิดเป็น 1.5% ถึง 33% เลยทีเดียว
ทำไมผู้หญิงถึงมีฝ้าเมื่อตั้งครรภ์?
สตรีมีครรภ์มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดฝ้าของคุณ สีเข้มและมักจะจางลงหลังตั้งครรภ์
หลังคลอดจะหายไหมมั้ย?
โดยปกติฝ้าจะจางลงภายในสามเดือนหลังจากที่คุณคลอดแล้ว
ถ้าไม่ได้กินยาที่ส่งผลกับระดับฮอร์โมนจะหายไหม?
หากฮอร์โมนเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าของคุณ ใช่! มันจะจางหายไปเอง โดยปกติฝ้าจะใช้เวลาประมาณสามเดือนขึ้นไปจึงจะจางลง
สามารถป้องกันได้หรือไม่?
เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงพันธุกรรมหรือป้องกันขณะคุณตั้งครรภ์ได้ แต่คุณอาจหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ทั้งความร้อนและแสงยูวีได้
ถือว่าเป็นต้นเหตุมะเร็งผิวหนังหรือไม่?
ฝ้าไม่ใช่มะเร็ง! ไม่เกี่ยวกับเกี่ยวกับสัญญาณของมะเร็ง หรืออาการทางผิวหนังที่จะ “กลายเป็นมะเร็ง”
ทำให้ผิวมีอาการเจ็บปวดหรือไม่?
ฝ้าไม่เป็นอันตราย ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่แสบหรือส่งผลต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่จะส่งผลต่อจิตใจมากกว่า
การทานอาหารบางชนิดจะช่วยให้ฝ้าจางลงหรือไม่?
ไม่มีอาหารหรือเครื่องดื่มใดที่ทำให้ฝ้าดีจางลง แต่เพื่อให้ผิวของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงให้ลองรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิวของอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี
เช่น นมอัลมอนด์, ไข่, เนื้อ, เห็ด, น้ำมันปลา, น้ำส้ม, โยเกิร์ต.
คนมีฝ้าควรหลีกเลี่ยง :
– การรักษาด้วยฮอร์โมน โดยเฉพาะการรักษาที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน
– การคุมกำเนิด โดยเฉพาะยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
– ไฟ LED จากโทรทัศน์ แล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต
– เครื่องสำอางที่ระคายเคืองต่อผิวของคุณ อย่าฝืนใช้
– การอาบแดด
– การแว็กซ์ซึ่งสามารถทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้นได้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบ : สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร การรักษาบางอย่างอาจเป็นอันตรายกับเด็กได้ได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ
ถึงฝ้าเป็นเรื่องปกติธรรมดาและไม่เป็นอันตราย แต่ก็สามารถทำให้เกิดความรำคาญได้ โรคผิวหนังนี้อาจส่งผลต่อชีวิตทางสังคมของ อาจทำให้รู้สึกประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง แม้ว่าอาจจะรักษาได้ไม่หายขาดแต่ก็มีวิธีรับมือกับฝ้าเพื่อบรรเทาให้รอยจางลงได้ และแน่นอนอย่าลืมครีมกันแดด ให้มองหาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และให้ทาตั้งแต่ตอนเช้า อย่าลืมทาซ้ำ ๆ ทุก 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ข้างนอกทั้งวัน piwd-review.com และฟังคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังเสมอและปฏิบัติตามแผนการรักษาฝ้าอย่างเคร่งครัด
ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.byrdie.com
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ