ใคร ๆ ก็อยากจะมีสุขภาพผิวที่ดี แต่ก่อนจะมีผิวที่ดีได้นั้นควรจะรู้จักประเภทของผิวเสียก่อนทั้งการดูแลผิวมัน การดูแลผิวแห้ง และการดูแลผิวผสม นี้เป็นการแนะนำการดูแลผิวพื้นฐานประเภทของผิวมีความสำคัญมาก! การที่จะดูแลผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีคุณควรรู้จักว่าผิวของคุณจัดอยู่ในประเภทไหน มีผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสมหรือผิวแพ้ง่าย การที่เรารู้จักประเภทผิวที่แท้จริงของตัวเองสามารถช่วยให้การเลือกเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพผิวนั้นอาจทำให้เหมือนเป็นการละลายเงินที่เราจ่ายไปโดยไม่เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจและยิ่งไปกว่านั้นอาจจะเกิด สิว ความแห้งกร้าน หรือปัญหาผิวอื่น ๆ ทำให้ผิวของคุณแย่ลงได้
3 วิธีง่าย ๆ ในการค้นหาประเภทผิวของคุณ
1.สังเกตผิวตลอดทั้งวันในวันหยุด
เรามีวิธีการดูลักษณะประเภทผิวคุณโดยสังเกตตั้งแต่เช้าตลอดจนก่อนล้างหน้าในตอนกลางคืน (อย่ามีการซับหรือแต่งเติมอะไรบนผิว) ผลลัพธ์ของผิวจะแสดงมาได้อย่างชัดเจนในตอนท้ายของวันทำให้คุณรู้จักผิวของคุณดีมากขึ้น
2.สังเกตจากการล้างทำความสะอาดผิว
บางคนไม่สะดวกใจในการทิ้งใบหน้าเปลือยเปล่าได้ตลอดทั้งวัน การทดสอบนี้จะเหมาะมากกว่า เพราะเป็นการเช็กสภาพหลังจากทำความสะอาดใบหน้าเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเช็ดโทนเนอร์ ทาครีมบำรุงหรือแม้กระทั่งครีมกันแดด ให้ล้างหน้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนแบบไม่แห้งตึงด้วยหล่ะ
แต่!การทำแบบทดสอบนี้ก็ต่อเมื่อเมื่อใบหน้าของคุณรู้สึกสงบ นั้นหมายความว่าไม่ควรทำหลังจากออกกำลังกายเสร็จเพราะอุณหภูมิของผิวยังร้อนอยู่ หรืออาการผิดปกติแพ้หรือแสบร้อนจากการถูกแดดเผา การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ และผิวแห้งจากอากาศที่หนาวเย็น
3.ถ่ายรูปผิวหน้าด้วย Infrared filter
ฟิลเตอร์ที่คล้ายยูวีสามารถแสดงให้เห็นถึงพื้นผิวของใบหน้าว่าเรียบเนียนขนาดไหน ขนาดรูขุมขนเป็นอย่างไรหรือมีความเสียหายจากแสงแดดและการสร้างเม็ดสีอย่างไร วิธีนี้จะแสดงจุดบกพร่องที่ชัดเจนทั้งริ้วรอย หลุมสิว กระ ฟ้า และรูขุมขน
ประเภทผิวแต่ละประเภท
ผิวมัน – มีความเงา – มันเหนอะหนะทั้งใบหน้า
ผิวผสม – มีความเงามันบริเวณ T – zone ได้แก่ หน้าผาก จมูก คาง แต่ในส่วนอื่นของใบหน้าปกติไม่มันเงา
ผิวแห้ง – ผิวเป็นขุย เป็นแผ่น ถ้าเลือกโฟมผิดผิวมักมีปัญหา
แต่! ผิวขาดน้ำนั้นไม่ใช่ประเภทของผิว เพราะที่จริงแล้วเป็นสภาพที่แยกออกต่างหาก เพราะผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว
รู้มั้ยว่าประเภทผิวของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดปี
หากมีปัจจัยที่กระทบกับร่างกายของคุณ เช่น การตั้งครรภ์ การรับประทานอาหาร สถานที่ และปัจจัยอื่น ๆ มากมายที่สามารถเปลี่ยนประเภทผิวของคุณได้อีกด้วย คุณอาจจะต้องมีการเช็กซ้ำ ๆ เมื่อมีการเปลี่ยนฤดู หรือสภาพอากาศสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
ผิวมันคืออะไร?และจะลดความมันได้อย่างไร?
เราทุกคนต่างก็มีน้ำมันจากธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” มันมาจากต่อมไขมันของรูขุมขนและให้ความชุ่มชื้น มีหน้าที่เคลือบเพื่อสร้างความสมดุลของเกราะป้องกันผิวจากธรรมชาติ แต่จะมีปริมาณมากหรือน้อยนั้นแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล
แม้ว่าน้ำมันจะมีหน้าที่ปกป้องผิวของเรา แต่บางครั้งถ้ามันมีมากเกินไปมันก็ส่งผลเสียจากความมันส่วนเกินที่สามารถจับกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วทำให้อุดตันรูขุมขน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาใหญ่อย่าง “สิว” และผลกระทบอีกอย่างที่รบกวนและลดความมั่นใจของสาว ๆ นั่นก็คือ ปัญหาผิวหมองคล้ำขาดความเปล่งปลั่ง
วิธีแก้ปัญหาสำหรับผิวมัน
- ล้างหน้าทุกเช้า เย็น และหลังออกกำลังกาย อย่าพยายามขัดผิว แม้กระทั่งการเช็ดเครื่องสำอางแรง ๆ เพราะการเสียดสีจะทำให้ผิวระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้ดูแย่ลงได้
- ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทุกวันแม้ว่าคุณจะมีสภาพผิวมัน แต่การทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวของคุณชุ่มชื้นนั้นจำเป็นมากในการสร้างสมดุลของผิว
- อย่าลืมทาครีมกันแดดถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนผิวมันก็ตามเพราะครีมกันแดดช่วยป้องกันความเสียหายจากแสงแดดที่อาจนำไปสู่ริ้วรอย จุดด่างดำ ผิวมีอายุ และแม้กระทั่งมะเร็งผิวหนัง เพื่อป้องกันการเกิดสิว ให้มองหาครีมกันแดดที่มีซิงค์ออกไซด์และไททาเนียมไดออกไซด์ และอย่าใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือน้ำมัน และควรมีค่ามีค่า spf 30+ ถ้าเป็นไปได้อย่าใช้ค่า spf ที่สูงมาก ๆ เพราะอาจมีสารที่ทำให้เกิดการอุดตันได้
- สามารถใช้กระดาษซับมันได้ตลอดวัน ให้ค่อย ๆ กดและทิ้งไว้สักครู่เพื่อดูดซับน้ำมัน อย่าเอากระดาษถูกับใบหน้าเพราะจะทำให้น้ำมันกระจายไปยังบริเวณอื่น
- อย่าสัมผัสใบหน้าของคุณตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะอยากสัมผัสใบหน้าขนาดไหนก็ตาม เพราะการทำเช่นนี้สามารถแพร่กระจายสิ่งสกปรก น้ำมัน และแบคทีเรียจากมือของคุณไปยังส่วนอื่นบนใบหน้าของคุณได้
ขั้นตอนการดูแลเบื้องต้นของคนผิวมัน
1. ล้างหน้าเป็นประจำ
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการล้างหน้าบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้ผิวสร้างน้ำมันขึ้นมาทดแทนมากขึ้นแต่จริง ๆ แล้วเมื่อเราล้างสิ่งสกปรกและความมันออกไปแล้วก็ควรบำรุงด้วยน้ำมันที่มีประโยชน์ช่วยปรับสมดุลผิว นอกจากได้ชำระล้างความสกปรกแล้วยังได้เพิ่มการบำรุงได้บ่อย ๆ อีกด้วย ควรล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่อ่อนโยน เพราะน้ำอุ่นสามารถล้างความมันได้ดีกว่าน้ำเย็น หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีกลิ่นหอม
2. ใช้โทนเนอร์
โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวแห้งจนอาจทำให้ผิวเฉาไม่สดใสได้ ควรใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Witch hazel มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ช่วยกระตุ้นการสร้าง Elastin และ Collagen ใต้ผิวหนัง เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื่น ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวกระชับลดการสร้างน้ำมันใต้ผิว มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียอ่อน ๆ จึงช่วยลดการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอบประโลมผิวที่เป็นสิวได้เป็นอย่างดี
3. การซับหน้า
ขอเน้นว่าให้ซับไม่ใช้การถู เพราะการที่ผิวหน้าเสียดสีกับเส้นใยที่หยาบกว่าผิวจะสร้างรอยและจะไปกระตุ้นการสร้างความมันบนใบหน้า การซับจะช่วยให้ความชุ่มชื้นจากการล้างหน้ายังคงอยู่
4.ใช้กระดาษซับมัน
สำหรับคนที่หน้ามันจริง ๆ เราก็ยังคงจะแนะนำให้ใช้กระดาษซับมัน บางทีไม่สะดวกในการล้างหน้านี้เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกไม่ทำให้เครื่องสำอางเสียหายอีกด้วย กระดาษซับมันไม่ได้เข้าไปลดการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง แต่สามารถใช้เพื่อดูดน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวได้ตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้เหนอะหนะและสกปรก
5. มาสก์หน้า
มาส์กโคลน : มีแร่ธาตุอย่างสเมกไทต์หรือเบนโทไนท์สามารถดูดซับน้ำมันและลดความมันเงาของผิวและระดับความมันได้โดยไม่ระคายเคืองผิว
มาส์กน้ำผึ้ง : น้ำผึ้งดิบธรรมชาติมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียการมาส์กหน้าด้วยน้ำผึ้ง 10 นาทีอาจลดสิวและผิวมันและยังทำให้ผิวนุ่มขึ้น
มาส์กข้าวโอ๊ต : มาส์กที่มีข้าวโอ๊ตจะช่วยทำความสะอาดผิวได้ประกอบด้วยซาโปนินทำความสะอาดที่อ่อนโยน สารต้านอนุมูลอิสระ และสารต้านการอักเสบที่สามารถบรรเทาผิวที่ระคายเคืองได้
6. ทามอยส์เจอไรเซอร์
ในขณะที่หลายคนยังมีความเข้าใจผิดว่าผิวมันนั้นควรจะเลี่ยง การทามอยส์เจอไรเซอร์เพราะกลัวว่าผิวจะดูเยิ้มมากขึ้น ที่จริงแล้วมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากความมันในตอนนี้นั้นมีให้เลือกมากมายที่จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นแต่ไม่รู้สึกมันเยิ้ม
7. ครีมกันแดด
เมื่อเรามีผิวมันจึงควรหลีกเลี่ยงเนื้อบำรุงที่เป็นครีมแต่ควรเป็นเนื้อเบาและสดชื่นเช่น “เจลครีม” เนื้อบางเบาที่ให้ความชุ่มชื้นและป้องกันแสงแดดโดยไม่ทำให้ผิวของคุณเยิ้ม และยังสามารถใช้ทาทับเครื่องสำอางระหว่างวันได้พร้อมทั้งลดอุณหภูมิของผิวและเพิ่มความเฟรซให้กับใบหน้าอีกด้วย
5 ผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้แก้ปัญหาผิวมัน
Bentonite clay mask / โคลนจากขี้เถ้าภูเขาไฟ
ดินเบนโทไนท์เป็นดินเหนียวธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้นจากเถ้าภูเขาไฟมีเนื้อนุ่มละเอียด ที่มีวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่หาไม่ได้จากดินชนิดอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิด แต่บางคนยังใส่ลงในอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อบรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร ดูดซับสารที่ไม่จำเป็นหรือดีท๊อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย
ดินเบนโทไนต์มีฤทธิ์ในการดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกออกจากผิวหนัง ดูดซับวัสดุโดยการเกาะติดระดับโมเลกุล เมื่อเราได้ชำระล้างดินนี้ออกจากร่างกายก็จะดึงสิ่งสกปรกติดหนึบออกจากร่างกายเราไปด้วย
การใช้มาสก์หน้าดินสามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวเพื่อรักษาสิวหรือลดความเสี่ยงของการเกิดสิว การติดเชื้อที่ผิวหนังและการมอบความสงบลดอาการบวมแดงแก่ผิวที่เป็นสิวอักเสบ
ขอแนะนำ!
Bentonite Clay
จาก Facial Detox
ขนาด 326 กรัม
ราคาประมาณ 277 บาท
ซื้อเลย!https://th.iherb.com
Grapeseed Oil / น้ำมันเมล็ดองุ่น
การใช้น้ำมันกับผิวมันอาจจะดูแปลก แต่ Grapeseed Oil เต็มไปด้วยกรดไขมันและวิตามิน E ที่ดีต่อสุขภาพ และมีกรดไลโนเลอิกสามารถต้านการอักเสบได้ น้ำมันเมล็ดองุ่นจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้น ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณทำความสะอาดผิวเสร็จผิวของคุณจะไม่สร้างน้ำมันมาชดเชยมากเกินไป
น้ำมันเมล็ดองุ่นประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ วิตามิน และกรดไขมันที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อทำให้รอยด่างดำจางลงและทำให้รอยแผลเป็นจางลง
ช่วยเพิ่มคอลลาเจน เร่งกระบวนการสมานแผล จึงอาจช่วยให้ผิวดูกระชับและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น และสามารถป้องกันความเสียหายจากแสงแดดได้อีกด้วยน๊ะ
ขอแนะนำ!
Grape seed oil
จาก Tropicalife
ขนาด 30 มล.
ราคา 210 บาท
ซื้อเลย! https://s.lazada.co.th
Dimethicone / ไดเมทิโคน
เป็นส่วนผสมหนึ่งในตระกูลซิลิโคน มีผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายทั้งแขมพู ครีมนวด ไพร์เมอร์ รองพื้น ครีมบำรุงผิวหรือแม้แต่ครีมกันแดด เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน UV แล้วยังช่วยล็อกความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออกจากผิวและควบคุมความมันบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย ไม่ทิ้งความมันวาวเหนอะหนะหลังใช้
เรายากแนะนำให้ผู้ที่มีผิวมันเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่เกิน 30 เนื่องจากค่า SPF ที่สูงกว่านั้นมีส่วนผสมของสารกันแดดที่เข้มข้นจึงทำให้เนื้อสัมผัสมีความหนืดกว่าซึ่งจะทำให้รู้สึกมันเยิ้มและทำให้ผิวมีความมันมากขึ้นไปอีก
ขอแนะนำ!
Facial Moisturising Lotion SPF 25
จาก CERAVE
ขนาด 52 มล.
ราคา 505 บาท
ซื้อเลย!https://www.central.co.th
Niacinamide / ไนอาซินนาไมด์
เป็นวิตามินที่ละลายน้ำส่วนใหญ่จึงมักมาในรูปแบบเซรั่ม เป็นเบสให้กับวิตามินบำรุงผิวตัวอื่นได้ดี มีวิตามินบี 3 สูงช่วยการบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวทั้งรอบสิวและรอบแผลเป็น
มีประโยชน์กับคนผิวมันเพราะจะเข้าไปปรับสมดุลในการผลิตน้ำมันบนใบหน้าจะคอยดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ไม่ให้คราบน้ำมันและสิ่งสกปรกเข้าไปแออัดกันในรูขุมขนได้ ทำให้รูขุมขนแคบลงและกระชับขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน
นอกจากเป็นส่วนผสมที่เหมาะกับคนที่มีผิวมันแล้ว ยังเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง มีรอยแดงได้ง่ายด้วย โดยจะช่วยปลอบประโลมและลดอาการแดงของผิว
ขอแนะนำ!
EFFACLAR DUO / La Roche-Posay
ขนาด 40 มล.
ราคา 740 บาท
ซื้อเลย!https://www.central.co.th
Tea tree oil / ทีทรีออยล์
เป็นน้ำมันดีอีกตัวที่จะเข้าปรับสมดุลของน้ำมันบนใบหน้า เป็นน้ำมันที่ทำมาจากใบของ Tea tree ในออสเตรเลีย ชาวอะบอริจิน ได้ใช้มันเป็นยาแผนโบราณมาหลายศตวรรษ จนมาถึงทุกวันนี้ยังคงเป็นส่วนผสมในการดูแลผิว
นี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย! ทีทรีเป็นยาสมานแผลที่มีความอ่อนโยน สามารถควบคุมความมันและลดความแห้งกร้าน และยังเป็นสารต้านแบคทีเรียอีกด้วย ลดปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดจากแบคทีเรียรวมทั้งสิวและผิวอักเสบ
ขอแนะนำ!
TEA TREE ANTI-IMPERFECTION DAILY SOLUTION / The Body Shop
ขนาด 50 มล.
ราคา 623 บาท
ซื้อเลย!https://www.thebodyshop.co.th
ผิวมันเกิดขึ้นเมื่อต่อมไขมันในผิวหนังสร้างไขมันมากเกินไป ซีบัมเป็นสารคล้ายขี้ผึ้งที่ช่วยปกป้องและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีความสำคัญต่อการดูแลผิวให้แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ความมันมากเกินไปอาจนำไปสู่ผิวมัน รูขุมขนอุดตัน และสิวได้ การจัดการผิวมันมักต้องการคนที่ดูแลผิวเป็นประจำให้เป็นนิสัย
หากคุณกำลังรักษาสิวด้วยผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีผลลัพธ์ที่ทำให้ผิวแห้งมากกว่าปกติ ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีความชุ่มชื้นที่มากกว่าสำหรับคนผิวมันทั่วไปเพื่อไม่ให้ผิวแห้งลอกแตกและเป็นขุย
ผิวแห้งคืออะไร?และจะเพิ่มความชุ่มชื้นได้อย่างไร?
ผิวที่ตรงกันข้ามกับผิวมันเพราะมีการผลิตซีบัมน้อยเกินไป จึงทำให้ผิวแห้ง และบางที่การแก้ปัญหาด้วยการดื่มน้ำอย่างเดียวนั้นคือคำตอบ มันก็ไม่เชิงเพราะจะมีความชุ่มชื้นที่มาจากภายในร่างกาย แต่ถ้าคุณไม่ทาครีมหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมความชื้นนั้นก็จะระเหยหายไปในอากาศอยู่ดี ข้างล่างนี้เป็นการรับมือกับผิวแห้งขาดน้ำ มีขั้นตอนการดูแลผิวและคำแนะนำสำหรับผิวแห้งทำให้ผิวของคุณมีความสุข ชุ่มชื้น และ เปล่งปลั่งขึ้น
ผิวแห้งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและมักมีอาการคัน จากสิ่งแวดล้อม การทำความสะอาดมากเกินไป หรือการสัมผัสกับสารระคายเคือง สาเหตุของผิวแห้งสามารถจำแนกได้เป็นภายในเช่น การขาดวิตามิน B หรือการขาดน้ำ ทำให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และริมฝีปากแตก ส่วนภายนอกเช่น เช่น การอาบน้ำที่ใช้สบู่ที่รุนแรง และอากาศหนาวเย็น
เมื่อผิวแห้งมันจะทำให้ผิวหนังส่วนนอกสุดหดตัวและทำให้เกิดรอยแตก ซึ่งอาจลึกจนปวดแสบ และอาจลึกถึงขั้นมีเลือดซึมออกมาตามรอยแตกทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ผิวหนังได้ ให้มองหามอยเจอร์ไรเซอร์อย่างเช่น Goat Milk, Lactic Acid, Hyaluronic Acid, Aloe Vera, Ceramides การมีผิวแห้งในเมืองร้อนอย่างบ้านเรานั้นโชคดีนะเพราะการแก้ไขสภาพผิวจะง่ายกว่าคนที่มีผิวแห้งที่อยู่เมืองหนาวมาก
วิธีแก้ปัญหาสำหรับผิวแห้ง
- สามารถใช้ครีมหรือน้ำมันที่มีความเข้มข้นทำความสะอาดใบหน้าได้
- ลงทุนซื้อเครื่องพ่นไอน้ำทำความชื้นเวลาอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนมากเกินไปควรอาบน้ำอุณหภูมิปกติจะเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวมากกว่า
- หยุดการคลีนเซอร์หรือเช็ดใบหน้าในตอนเช้า
- ลองเติมความชุ่มชื้นข้ามคืนด้วยโอเวอร์ไนท์มาส์กข้ามคืน มาส์กโดยไม่ต้องล้างออก
- ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ให้ความชุ่มชื้นที่ไม่ทำลายชั้นผิวชั้นนอก
- โทนเนอร์ปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อคืน pH ของผิว
- ใช้เซรั่มที่มีสรรพคุณเพื่อคืนความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น
- ให้ความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันเพื่อล็อคความชุ่มชื้น
- ปกป้องจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายเพื่อป้องกันความเสียหายจากแสงแดด
บางครั้งการขัดผิวสามารถช่วยเรื่องผลัดเซลล์ผิวให้ผิวเรียบไร้ผิวขุย ผิวลอกได้ก็จริง แต่ควรระวังการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดที่อ้างว่าทำให้ผิวนุ่มขึ้นจะทำให้แสบผิวและทำให้ผิวแดง ลอกเป็นขุยมากขึ้นกว่าเดิม แต่หากคุณชอบการผลัดเซลล์ผิวให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น แล้วทำอย่างเบามือและอย่าใช้เวลานานด้วยหล่ะ
ขั้นตอนการดูแลเบื้องต้นของคนผิวแห้ง
ทำความสะอาด
ขั้นตอนแรกของคุณคือการเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่ให้ความชุ่มชื้น คุณต้องการน้ำยาทำความสะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันโดยไม่ทำให้เกิดการรบกวนกับชั้นผิวชั้นนอก ให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่น กรดไฮยาลูโรนิก
โทนเนอร์
โทนเนอร์หลายแบรนด์มากที่ใช้แอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้น โทนเนอร์จะทำหน้าที่คืนความชุ่มชื้นที่เสียไปตอนคุณอาบน้ำ (ลองสังเกตดูว่าแม้เราจะอาบน้ำเย็นแต่เมื่อคุณอาบเสร็จอุณหภูมิในห้องน้ำนั้นจะสูงขึ้นจากอุณหภูมิของตัวคุณเองนั่นแหละ) โทนเนอร์จะปรับอุณหภูมิและความสดชื่นขึ้นทันทีและพร้อมสำหรับการบำรุงขั้นต่อไป ให้มองหาโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ซึ่งมีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูระดับ pH ของผิวคุณ
เซรั่มมอบความชุ่มชื้น
ขั้นตอนนี้ช่วยให้การแก้ปัญหาผิวตรงจุด โดยเน้นส่วนผสมที่มีความชุ่มชื้นด้วยเซรั่มกรดไฮยาลูโรนิกบริสุทธิ์, Serum in oil เซรั่มที่มีออยล์ผสมจะทำให้ผิวของคุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และหากคุณมีเวลาให้นวดใบหน้ากับเซรั่มนี้เบา ๆ เพราะจะเกิดการดูดซึมที่ดีขึ้น
ล็อกความชุ่มชื้น
ด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณภาพจะช่วยล็อกคุณประโยชน์ของเซรั่มให้บำรุงได้อย่างยาวนาน อย่าลืมที่จะใช้ทุกวันทั้งกลางวันและก่อนนอน แต่หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจอุดตันรูขุมขนของคุณ ควรมองหาคำว่า “noncomedogenic” บนฉลากอย่างของผลิตภัณฑ์
ปกป้อง
การใช้ครีมกันแดดทุกวันช่วยป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายจากการทำลายผิว โดยเฉพาะผิวแห้งที่มีความไวต่อแสงมากกว่าผิวมัน แสงแดดอาจทำให้เกิดริ้วรอยไวขึ้นและชัดเจนจนคุณต้องตกใจเลยล่ะ
5 แนวทางผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้แก้ปัญหาผิวมัน
Coconut oil / น้ำมันมะพร้าว
เป็นสารทำให้ผิวนวลที่สามารถใช้ได้ในบริเวณที่บอบบาง เช่น ใต้ตาและรอบปาก คุณยังสามารถลองมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าสูตรน้ำมันมะพร้าวของไพรเมอร์ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ
น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันธรรมชาติที่สกัดจากเนื้อมะพร้าวดังนั้นจึงปลอดภัยกับผิวบอบบางรวมถึงผิวแห้งที่ต้องการไขมันดีในการบำรุงเพื่อการฟื้นตัวของเซลล์ผิว ซึ่งรวมถึงกรดไลโนเลอิก (วิตามินเอฟ) ซึ่งช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น และกรดลอริกซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย
หากคุณมีผิวแห้งและเป็นขุย การใช้น้ำมันมะพร้าวแทนมอยส์เจอไรเซอร์แบบปกติอาจทำให้ผิวของคุณนุ่มและชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูสดชื่นและอ่อนนุ่มเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า
ขอแนะนำ!
เวอร์จิน โคโคนัท ออร์แกนิค ออยล์
BATH&BLOOM
ราคา 950 บาท
ขนาด 170 มล.
ซื้อเลย!https://www.central.co.th
Goat milk / นมแพะ
นมแพะเป็นส่วนผสมที่มหัศจรรย์สำหรับผิวแห้ง ผลิตภัณฑ์นมแพะคุณภาพสูงมีไขมันเฉพาะที่ช่วยบำรุงผิวโดยไม่ระคายเคือง ไขมันเหล่านี้จำเป็นสำหรับกักเก็บความชุ่มชื้น และยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวของคุณจากสิ่งรบกวนผิวที่เป็นอันตราย
นอกจากนี้นมแพะยังมีคุณประโยชน์ของวิตามินเอและกรดแลคติก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ในการลดอาการคันและระคายเคืองของผิวที่แห้งได้ดีอีกด้วย
ครีมนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก การใช้เป็นประจำทุกวันจะช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายและทำให้ผิวอิ่มฟูเปล่งปลั่ง ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย เหมาะมากที่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวแห้งขาดน้ำ
นมแพะมีระดับ PH เท่ากันกับผิวหนังของมนุษย์ จึงไม่ระคายเคืองผิว เป็นกรดตามธรรมชาติของผิวไม่ทำให้ผิวเสียสมดุล
นอกจากนี้นมแพะยังมีกรดแลคติกซึ่งช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและช่วยรักษาความชุ่มชื้นภายในเกราะป้องกันผิว พร้อมทั้งกรดไขมันในนมแพะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกที่แห้งและถูกทำลาย
ขอแนะนำ!
GOAT MILK SLEEPING MASK
จาก Made in nature
ราคา 220 บาท
ขนาด 100 กรัม
ซื้อเลย!http://www.made-in-nature.com
lactic acid / กรดแลคติก
กรดแลคติคเป็นสารออกฤทธิ์จากธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมผิวแห้ง ทำหน้าที่เป็นตัวผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนที่ช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว เมื่อเกราะป้องกันความชื้นของผิวไม่เสียหาย ความชุ่มชื้นจะถูกล็อกไว้ เป็นระเบียบไร้รอยรั่ว ช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง ซึ่งไม่เพียงแต่ฟื้นฟูสภาพผิวที่หมองคล้ำและความแห้งกร้าน แต่ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นตลอดเวลา
กรดแลคติกเป็นสารต่อต้านริ้วรอยและต่อต้านการสร้างเม็ดสี
ใช้เพื่อการลอกผิวแบบอ่อนโยนเพื่อเอาชั้นบนสุดของผิวหนังออก (หนังกำพร้า) แต่อาจมีสูตรที่เข้มข้นกว่าเพื่อให้ทำงานลึกไปถึงผิวชั้นกลาง (หนังแท้) ผิวที่ถูกขจัดออกไป นั่นคือเซลล์ผิวที่ตายแล้วผลลัพธ์จึงได้ผิวที่เรียบเนียนและสว่างขึ้น
อย่างไรก็ตามกรดแลคติกไม่เหมือนกับ AHA เช่น กรดไกลโคลิก กรดแลคติกจะอ่อนลงเล็กน้อย ทำให้กรดแลคติกลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย กรดแลคติกอาจเป็นทางเลือกหากคุณเคยลองใช้ AHA ตัวอื่นมาก่อนและพบว่ามันแรงเกินไป
ขอแนะนำ!
The Ordinary
Lactic Acid 10% + Ha
ราคา 469 บาท
ขนาด 30 มล.
ซื้อเลย! https://www.konvy.com
Hyaluronic acid / กรดไฮยาลูโรนิก
หากคุณกำลังทุกข์ทรมานจากภาวะผิวขาดน้ำ และผิวที่ผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป สิ่งที่ควรมีติดบ้านสำหรับคนที่มีผิวแห้งคือ กรดไฮยาลูโรนิก ให้เป็นตัวบำรุงที่ต้องมีบนโต๊ะเครื่องแป้ง
กรดไฮยาลูโรนิกเป็นส่วนผสมต่อต้านริ้วรอยที่ได้รับความนิยมในโลกความงาม ใช้เพื่อให้ความชุ่มชื้นและทำให้ผิวนุ่ม กรดไฮยาลูโรนิกถือเป็นหนึ่งในวิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุดในการเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว การใช้กรดไฮยาลูโรนิกเป็นประจำจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและอาจช่วยให้คุณดูอ่อนกว่าวัยด้วยการทำให้ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นดูเรียบเนียนขึ้น
กรดไฮยาลูโรนิกช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นโดยควบคุมระดับการอักเสบและส่งสัญญาณให้ร่างกายสร้างหลอดเลือดในบริเวณที่เสียหายมากขึ้น กรดไฮยาลูโรนิกยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย
ขอแนะนำ!
Mineral 89
จาก Vichy
ราคา 1,350 บาท
ขนาด 30 มล.
ซื้อเลย!https://www.central.co.th
Ceramide / เซราไมด์
เมื่อพูดถึงส่วนผสมในการดูแลผิว เซราไมด์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันมากที่สุดในการต่อสู้กับผิวแห้ง ไม่ว่าคุณจะประสบกับผิวแห้งตามฤดูกาลหรือเป็นคนที่ผิวแห้งกร้านตลอดทั้งปี ผลิตภัณฑ์จากเซราไมด์จะช่วยเติมเต็มผิว เซราไมด์ซึ่งเป็นกรดไขมันในผิวของคุณช่วยรักษาความชุ่มชื้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยเซราไมด์จะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นของผิวและกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีแม้จะเจออุณหภูมิที่รุนแรงก็ยังสามารถช่วยให้ผิวของคุณคงความชุ่มชื้นนั้นไว้ได้ยาวนาน ส่งผลให้มีสุขภาพผิวที่ชุ่มชื้นเงางาม
เซราไมด์เป็นชั้นของกรดไขมันที่เรียกว่าลิพิด ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในโลกของการดูแลผิวมีการใช้ในอุตสาหกรรมความงามมากมายเช่น แชมพู ครีมนวดผม และเครื่องสำอาง เซราไมด์ช่วยสร้างเกราะป้องกันการซึมผ่านทั้งเข้าหรือออกจากผิวหนัง ฉะนั้นจึงล็อกความชุ่มชื้นผิวของคุณได้ดี
ซึ่งช่วยป้องกันความแห้งกร้านและการระคายเคือง ประโยชน์เหล่านี้อาจมีผลต่อการต่อต้านริ้วรอยและร่องลึก แม้ว่าผิวหนังของมนุษย์จะประกอบด้วยเซราไมด์ตามธรรมชาติ แต่กรดไขมันเหล่านี้จะสูญหายไปตามกาลเวลา ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ แห้ง คุณอาจสามารถลดผลกระทบเหล่านี้ได้ด้วยการเสริมเซราไมด์เสริมให้ผิวของคุณ
ขอแนะนำ!
Hyaluron & Ceramide X3 Moisturizing Cream
จาก SOS
ราคา 390 บาท
ขนาด 30 กรัม
ซื้อเลย!https://www.konvy.com
สาเหตุของผิวแห้งนั่นแตกต่างกันไป คุณอาจจะประสบปัญหาผิวแห้งตั้งแต่ยังเล็กหรือเพิ่งกำลังเจอกับปัญหาผิวแห้งเมื่ออายุมากขึ้น อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ จากสิ่งแวดล้อม หรือเป็นผลมาจากครีมบำรุงผิวคุณภาพต่ำ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ควรเลือกครีมที่มีความเข้มข้นแต่ซึมซาบไวไม่ก่อให้เกิดการอุดตันนอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความฉ่ำมีน้ำบนผิวด้วยการทานอาหารที่จะเพิ่มปริมาณโอเมก้า 3 เป็นอีกวิธีที่ดีในการบำรุงผิวจากภายใน เช่น ปลาแซลมอน วอลนัทและถ้่วต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามครีมบำรุงหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์แต่ละแบรนด์ ไม่ได้เหมาะกับผิวแห้งไปซะหมด ก่อนซื้อมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแห้ง คุณควรจะต้องรู้ว่าแพ้อะไรจากส่วนผสมบางอย่างหรือไม่ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้เมื่อทาลงบนผิวหนัง เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม หรือทดลองทาครีมหรือตัวบำรุงในบริเวณที่มีผิวบอบบาง เช่น ท้องแขนหรือหลังใบหู
การดูแลและบำรุงผิวผสม
ผู้คนส่วนใหญ่มักพบกับปัญหาผิวซึ่งแตกต่างกันไป แต่สำหรับคนที่มีผิวผสมอาจเป็นปัญหาที่ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ผิดประเภทแบบไม่ได้ตั้งใจ จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่กำจัดความมันบริเวณ T -Zone แต่แก้มก็อาจจะแห้งแตกหรือแสบได้ นี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผิวของคุณที่จะหาครีมบำรุงที่เป็นกลาง
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างจากผิวประเภทอื่นอย่างไร?
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และวิธีการบำรุงเหมือนกับคนที่มีผิวมัน แต่! ให้เน้นการทำความสะอาดบริเวณ T-zone มากกว่า พยายามอย่าขัดถูกบริเวณที่มีผิวแห้ง และคุณสามารถเพิ่มครีมบำรุงหรือมอยส์เจอไรเซอร์ในบริเวณผิวที่แห้งมากขึ้นได้ พูดง่าย ๆ คือการเว้นส่วนที่เกินแต่เต็มส่วนที่ขาดนั่นแหละ
ควรใช้อะไรในการบำรุงหล่ะ?
กรดไฮยาลูโรนิก : เหมาะสำหรับผิวผสม เนื่องจากให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยไม่เกิดความมัน
กรดซาลิไซลิก : อาจควบคุมการผลิตน้ำมันและช่วยให้รูขุมขนไม่อุดตัน
กรดแลคติก : ทำหน้าที่เป็นสารผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากบริเวณที่แห้งและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างอ่อนโยน
เชียบัตเตอร์และน้ำมันมะพร้าว : ที่ทำให้ผิวแห้งนุ่ม ต้านอนุมูลอิสระปกป้องคุณจากความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม อ้อ!อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเพื่อกระตุ้นคอลลาเจและผิวกระจ่างใสด้วยหล่ะ
ขั้นตอนการดูแลเบื้องต้นของคนผิวผสม
การล้างหน้า
ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนและปรับสมดุลน้ำมันบนใบหน้า เช่น สูตรปรับสมดุลที่ใช้พฤกษศาสตร์จากธรรมชาติ เช่น ทีทรีและเปลือกต้นวิลโลว์เพื่อควบคุมผิวมันและปราบสิว มีวิตามินและส่วนผสมที่อุดมด้วยแร่ธาตุ เช่น สาหร่าย เพื่อสนับสนุนสุขภาพผิวโดยรวม เราแนะนำให้ทำความสะอาดผิววันละครั้งหรือสองครั้ง หรือหลังออกกำลังกาย
ขอแนะนำ!
TEA TREE FACIAL CLEANSER
จาก NATURISTA
ราคา 331 บาท
ขนาด 300 มล.
ซื้อเลย!https://www.beauticool.com
การขัดผิว (ด้วยความระมัดระวัง)
การขัดผิวสามารถช่วยป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตันจากน้ำมันส่วนเกิน ทำให้เป็นขั้นตอนการดูแลผิวประจำสำหรับทุกคนที่มีผิวผสม อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าการขัดผิวอาจทำให้ผิวแห้งระคายเคือง แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ขัดผิวเบา ๆ จากฟองน้ำนุ่ม ๆ หรือเครื่องล้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป และคุณยังสามารถทำวันเว้นวันได้อีกด้วย
ขอแนะนำ!
เครื่องล้างหน้าระบบสั่น 15 ระดับ
จาก CBG DEVICES
ราคา 790 บาท
ซื้อเลย! https://www.central.co.th
การขจัดความมันส่วนเกินระหว่างวัน
แก้ไขบริเวณผิวมันด้วยการใช้กระดาษซับมันเพื่อดูดซับความมันส่วนเกินตลอดทั้งวันเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนังเพื่อให้บริเวณที่มีแนวโน้มเป็นน้ำมันบนผิวของคุณดูสดชื่นและเป็นแมตต์ตลอดวันโดยไม่ทำให้ผิวแห้งระคายเคือง
ขอแนะนำ!
Oil Blotting Blue
จาก Evergreen
ราคา 90 บาท
ขนาด 100 แผ่น
ซื้อเลย!https://www.konvy.com
มาส์กหน้า
เลือกซื้อมาส์กหน้าด้วยกรดซาลิไซลิก แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้กรดซาลิไซลิกเป็นส่วนผสมในการบำรุงผิวมัน กรดซาลิไซลิกสามารถช่วยล้างรูขุมขนของน้ำมันส่วนเกินป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นได้ เพราะมาส์กจะทำให้กรดซาลิไซลิกมีเวลามากขึ้นในการฟื้นฟูและทำงานบนผิวของคุณ
ขอแนะนำ!
Salicylic Acid 2% Masque
จาก The Ordinary
ราคา 650 บาท
ขนาด 50 มล.
ซื้อเลย!https://s.lazada.co.th
หามอยส์เจอไรเซอร์
ผสมมอยส์เจอไรเซอร์ของคุณให้เข้ากัน (หรือหาแบบมัลติทาสกิ้ง) สำหรับผิวผสม แพทย์ผิวหนังบางคนแนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สองชนิด โดยแนะนำให้บำรุงผิวที่แห้งด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่อุดมด้วยสารให้ความชุ่มชื้น ในขณะที่บำรุงบริเวณผิวมันด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมในการลดสิว นี้เป็นวิธีในการบำรุงผิวผสมที่ดีมากอีกวิธีหนึ่งเพราะคุณสามารถดูแลผิวได้ทั่วถึงไม่มันหรือแห้งจนเกินไป
ขอแนะนำ!
Dry Rescue Intense Melt-In Cream Anti-Pollution
จาก MizuMi
ราคา 345 บาท
ขนาด 45 มล.
ซื้อเลย!https://www.konvy.com
ไพรเมอร์เพื่อความแมตต์ระหว่างวัน
ก่อนลงเมคอัพเตรียมผิวของคุณในช่วงเช้าด้วยไพรเมอร์ที่ให้ความชุ่มชื่น
แพทย์ผิวหนังยังแนะนำให้ใช้ไพรเมอร์แบบแมตต์ จะช่วยป้องกันไม่ให้เมคอัพมีความมันและเป็นมันเงาได้ตลอดทั้งวัน ผิวผสมมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหากับเมคอัพในบริเวณจมูก คาง และหน้าผาก ถ้ากลัวว่าไพรเมอร์แบบแมตต์จะแห่งเกินไปให้ใช้ผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์ จะทำให้เกลี่ยได้ง่ายและยังชุ่มชื้นอีกด้วย
ขอแนะนำ!
Blur Primer
จาก YVES SAINT LAURENT
ราคา 1,700 บาท
ขนาด 30 มล.
ซื้อเลย!https://www.central.co.th
คุณอาจต้องสลับไปมาระหว่างผลิตภัณฑ์บำรุงเข้มข้นและบางเบาสลับกันระหว่างวัน หรือเช้าและกลางคืน เพื่อให้ผิวของคุณได้รับการบำรุงที่มีความบาลานซ์ไม่มันหรือแห้งจนเกินไป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการดูแลผิวพื้นฐานที่ควรทำเป็นประจำทุกวันเพื่อผิวสุขภาพดีและสามารถชะลอความเหี่ยวย่นได้อีกด้วยนะ สรุปคือ สำหรับการดูแลผิวมันนั้นเพียงแค่ลดความมันแล้วเติมความชุ่มชื้น สำหรับการดูแลผิวแห้งควรผลัดเซลล์ผิวอย่างเบา ๆ เพื่อผิวใหม่พร้อมการบำรุงมอยส์เจอไรเซอร์ที่เข้มข้นเพื่อความแข็งแรงของผิว สำหรับการดูแลผิวผสมสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกับผิวมันได้แต่ให้ทาเยอะ ๆ บริเวณที่แห้ง แค่นี้เองไม่ยากเลยใช่มั้ยค่ะ
อย่างไรก็ตามหลายคนกลัวผิวมันแต่ที่จริงข้อดีของผิวมันที่เกิดขึ้นนั้นข้อดีจะช่วยปกป้องและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีความสำคัญต่อการดูแลผิวให้แข็งแรงมากและแก่ช้าอีกด้วย แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบเลยเกิดการฟอกผิวหรือขจัดความมันแบบเกินพอดีอาจสร้างความเสียหายแก่ผิวจนทำให้ผิวบอบบาง แต่หากปล่อยให้ผิวมีความมันมากเกินไปอาจนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนสามารถสร้างสิวผิวอักเสบได้ ฉะนั้นการจัดการกับปัญหาผิวให้กลับมาสมดุลมักต้องการคนที่ดูแลผิวเป็นประจำให้เป็นนิสัยอย่าละเลยและขอให้ทำขั้นตอนต่าง ๆ อย่างพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป หรือแน่ไปกว่านั้นคือไม่ทำเลยอาจทำให้ผิวของคุณแก่ก่อนวัยได้น่ะ piwd-review เว็บสล็อตแตกง่าย 2021 ไม่ผ่านเอเย่นต์
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ